กลยุทธ์การนำเสนองานโฆษณาอย่างไรให้โดนใจลูกค้า

กลยุทธ์การนำเสนองานโฆษณาอย่างไรให้โดนใจลูกค้า

กลยุทธ์การนำเสนองานโฆษณาอย่างไรให้โดนใจลูกค้า

กลยุทธ์ในการนำเสนองานโฆษณา เป็นการตัดสินใจเพื่อเลือกวิธีการนำเสนอไปยังกลุ่มเป้าหมาย โดยใช้วิธีที่ดึงดูดความสนใจและมีความหมายต่อผู้บริโภค เป็นส่วนหนึ่งของเครื่องมือในการสื่อสารทางการตลาดเพื่อการเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ถึงแม้ว่าโฆษณาจะเป็นเพียงองค์ประกอบเล็ก ๆ ในการดำเนินกิจกรรมด้านการตลาด แต่ก็มีบทบาทที่สำคัญ เพราะมีจุดแข็งที่สำคัญคือสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างรวดเร็วและเป็นจำนวนมาก สามารถให้ข้อมูลและรายละเอียดของสินค้าแก่ผู้บริโภคได้ดี และยังใช้แจ้งหรือบอกการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นสัญลักษณ์ใหม่ บรรจุภัณฑ์ใหม่ หรือสูตรใหม่ เหล่านี้ เป็นต้น

อีกทั้งยังช่วยตอกย้ำความจำที่มีเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์นั้น ๆ เพื่อกระตุ้นความต้องการให้เกิดความอยากซื้อ หรือใช้โน้มน้าวจิตใจให้ผู้บริโภคเกิดความรู้สึกที่ดีเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หากการโฆษณานั้นยิ่งมีประสิทธิภาพมากเท่าไหร่ จะส่งผลให้นั้น ๆ มีจุดขายที่แข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น ในทางตรงกันข้าม หากโฆษณาไม่ดี ก็จะเป็นการทำลายซ้ำเติมแผนการตลาดและผลิตภัณฑ์นั้น ๆ ลงไป

การนำเสนอโฆษณา มีแนวทางในการนำเสนอดังต่อไปนี้

1. ใช้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต (Case History) เป็นการใช้เหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นจริงในอดีตหรือใช้ข้อมูลทางสถิติมานำเสนอ

2. คำให้การจากผู้บริโภค (Testimonial) เป็นการนำผู้ที่ใช้ผลิตภัณฑ์จริงมานำเสนอ โดยที่บุคคลเหล่านี้จะเป็นบุคคลที่น่าเชื่อถือ เนื่องจากได้มีการพิสูจน์คุณสมบัติของผลิตภัณฑ์มาแล้วนั่นเอง

3. การให้แรงเสริมจากบุคคลที่มีชื่อเสียง (Endorsement) วิธีการจะคล้ายกับคำให้การ แต่จะใช้บุคคลที่มีชื่อเสียงมาแทนผู้บริโภค

4. การใช้โฆษก (Spokesman) เห็นการนำบุคคลที่อยู่ในโฆษณานั้น ๆ มาเป็นผู้แนะนำสินค้า ว่ามีคุณสมบัติดีอย่างไร

5. ใช้ผู้นำเสนอเป็นสัญลักษณ์ตัวการ์ตูน (Mascot) ทำการสร้างตัวการ์ตูนที่เป็นตัวแทนของผลิตภัณฑ์นั้น ๆ ขึ้นมา แล้วใช้เป็นตัวนำเสนองานโฆษณา

6. การใช้ผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ (Authority) โดยการใช้บุคคลที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสินค้า เช่น นักโภชนาการ กุ๊ก แพทย์ อาจารย์ มาทำการนำเสนอสินค้า จะทำให้สินค้าหรือผลิตภัณฑ์ดูมีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น

7. ให้ผลิตภัณฑ์เป็นวีรบุรุษ (Product as Hero) โดยทำการนำเสนอปัญหาของผู้บริโภคออกมาก่อน จากนั้นจึงค่อยนำเสนอตัวผลิตภัณฑ์ที่สามารถใช้แก้ปัญหานั้น ๆ ออกมา หรืออาจจะนำเสนอโดยให้ตัวผลิตภัณฑ์นั้นดูยิ่งใหญ่กว่าองค์ประกอบอื่นในโฆษณา

8. ทำการสาธิตสินค้า (Demonstration) วิธีนี้จะมีประสิทธิภาพมาก เพราะเป็นการแสดงให้เห็นถึงวิธีการใช้งานและผลลัพธ์ที่ได้จากการใช้งานผลิตภัณฑ์ แบ่งออกเป็นการสาธิตโดยนำไปเปรียบเทียบกับคู่แข่ง เพื่อแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่แตกต่างกันการสาธิตเชิงปฏิบัติการ คือ ทำการสาธิตให้เห็นถึงประสิทธิภาพของสินค้าโดยตรง การสาธิตเกินจริง เป็นการนำจุดเด่นของสินค้าออกมานำเสนอให้มีคุณสมบัติที่เกินจริง เพื่อส่งเสริมคุณสมบัติเด่นของสินค้า

9. ทดสอบให้เห็นถึงข้อผิดพลาด (Torture Testing)เป็นอีกวิธีของการสาธิต ที่จะแสดงให้เห็นว่าจะเกิดอะไรขึ้น หากผู้บริโภคไม่ได้ใช้สินค้าชนิดนั้น ๆ การใช้กราฟฟิกมาช่วยนำเสนอการสาธิต จะใช้ในกรณีที่ประสิทธิภาพของสินค้านั้น ๆ ไม่สามารถแสดงให้เห็นได้ด้วยตาเปล่า เช่น การไหลเวียนความเย็นของเครื่องปรับอากาศ เป็นต้น และข้อสุดท้ายคือการนำสินค้าไปทดสอบ แล้วนำข้อูลมาแสดงให้ลูกค้าได้เห็น

10. การแสดงให้เห็นถึงประโยชน์ของสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ในลักษณะเกินจริง (Dramatization) โดยทำการนำเสนอประโยชน์ของสินค้าที่มีอยู่ในลักษณะที่เกินจริง เพื่อให้เกิดความโดดเด่นและสร้างการจดจำในตัวสินค้านั้น ๆ ได้ดีกว่างานโฆษณาชิ้นอื่น ๆ

11. การใช้โฆษณาเปรียบเทียบ (Comparison) คือการนำเอาผลิตภัณฑ์ของเราไปเปรียบเทียบกับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่เหมือนกัน

12. ใช้เสี้ยวเวลาของชีวิต (Slice of Life) วิธีนี้จะเป็นการนำเสนอโดยเสนอให้ผู้บริโภคได้เห็นว่าผลิตภัณฑ์ของเรา เหมาะกับการใช้งานในช่วงเวลาใดของชีวิต เช่น การกินโจ๊กในตอนเช้า การกินกาแฟเวลาง่วง เป็นต้น

13. การนำสารคดีมาใช้ (Documentary) จะเป็นการนำเสนอประวัติ ตำนานของบริษัท การได้มาของวัตถุดิบในสินค้า ขั้นตอนการผลิตสินค้า มาใช้เป็นรูปแบบภาพยนตร์โฆษณา

14. การใช้ความแฟนตาซี (Fantasy) โดยนำเสนอในรูปแบบที่เป็นความเพ้อฝัน เทพนิยาย นิทาน เหมาะกับสินค้าประเภทที่เกี่ยวข้องกับความสวยงาม

15. ใช้การเปรียบเทียบอุปมาอุปไมย (Analogy) โดยการนำสินค้าไปเปรียบเทียบกับสิ่งต่าง ๆ ว่าดี หรือมีคุณสมบัติเหมือนกับอะไร

16. ใช้การร้องเล่นเต้นรำ (Production number) เป็นการนำเสนอโดยใช้การร้องเล่นเต้นรำ โดยจะใช้เสียงเพลง เสียงดนตรีต่าง ๆ เข้ามาประกอบการเต้น ช่วยสร้างความสนุกสนาน สร้างการจดจำและสร้างความน่าสนใจให้กับสินค้าได้เป็นอย่างดี

จะเห็นได้ว่าการนำเสนอเพื่อการโฆษณาสินค้านั้นมีมากมายหลายรูปแบบ เราจึงต้องทำการศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้บริโภคหรือกลุ่มเป้าหมายให้ดี  

เช่น อะไรคือแรงจูงใจในการตัดสินใจซื้อสินค้า มีปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้เกิดการตัดสินใจซื้อสินค้าแต่ละประเภท รวมไปถึงสิ่งเร้าต่าง ๆ ที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อ

การนำแนวทางในการนำเสนอสินค้าต่าง ๆ เหล่านี้ มาใช้จึงต้องตีความให้ดี เพราะเมื่อได้ทำการนำเสนอโฆษณาออกไปสู่ผู้บริโภคแล้ว จะส่งผลต่อความรู้สึกนึกคิด ความเชื่อ ทัศนคติที่มีต่อสินค้า ทำอย่างไรจึงจะให้ผู้บริโภคสามารถจดจำสินค้าของเราได้เป็นอันดับต้น ๆ ในสินค้าประเภทเดียวกัน

หากนึกถึงผลิตภัณฑ์ที่ต้องการจะซื้อหรือใช้งาน แล้วผู้บริโภคนึกถึงสินค้าของเราเป็นอันดับแรก ก็ถือได้ว่า การนำเสนอของเราประสบความสำเร็จได้เป็นอย่างดีนั่นเองค่ะ

Get A Quote

Add Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *